4 เทคนิคเพิ่มยอดขาย ด้วยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย

การออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อเพิ่มยอดขายถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ของธุรกิจ ที่จะช่วยผลักดันสินค้าให้เป็นที่รู้จักได้มากยิ่งขึ้น โดยการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้มีความโดดเด่น สะดุดตา และเน้นย้ำจุดเด่นของแบรนด์ เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์และเพิ่มยอดขายให้แก่สินค้าของธุรกิจคุณ 

บทความนี้ ลลิตา แพ็คเกจจิ้ง จะพาทุกคนมาดู 4 เทคนิคออกแบบบรรจุภัณฑ์อย่างไรให้โดนในกลุ่มลูกค้าและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของเรา ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

 

1. ศึกษาพฤติกรรมการบริโภคและความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย

ก่อนการออกแบบบรรจุภัณฑ์ทุกครั้ง ผู้ประกอบการควรจะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายว่ามีพฤติกรรมการซื้อสินค้าอย่างไร เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ ให้ตรงต่อพฤติกรรมการบริโภคของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง

รู้ทันพฤติกรรมลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีชัยไปกว่าครึ่ง! เช่น กลุ่มลูกค้า Greenery มีความนิยมบริโภคสินค้าออร์แกนิคและบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ผู้ประกอบการจะต้องออกแบบบรรจุภัณฑ์ โดยใช้วัสดุที่สามารถย่อยสลายได้และไม่เกิดมลพิษต่อธรรมชาติ เช่น บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตมาจากกระดาษ บรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ เป็นต้น

 

2. สร้างจุดเด่นและเอกลักษณ์ให้กับบรรจุภัณฑ์

การออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อเพิ่มยอดขาย ผู้ประกอบการจะต้องสร้างจุดเด่นและเอกลักษณ์ให้กับบรรจุภัณฑ์เสียก่อน โดยการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้ตรงตามธีมหรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ และที่สำคัญจะต้องระบุรายละเอียดไว้ให้ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเห็นบรรจุภัณฑ์ครั้งแรก และสามารถระบุได้ว่าเป็นของแบรนด์อะไรและสินค้าในบรรจุภัณฑ์คืออะไร เพราะการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดีต้องสามารถเป็นเครื่องมือช่วยส่งเสริมทางด้านการตลาด เปรียบเสมือนเป็นพนักงานขายที่ไร้เสียง (Silent Salesman)

 

3. ออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้สามารถเป็นตัวแทนการสื่อสารได้

ปัจจุบันเทรนด์การออกแบบบรรจุภัณฑ์นิยมนำเรื่องราวมาใส่ไว้บนบรรจุภัณฑ์ โดยการบอกเล่าเรื่องราวประวัติ ที่มา และความตั้งใจในการพัฒนาแบรนด์หรือสินค้า ผ่านการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เช่น ลวดลายหรือสีบนตัวบรรจุภัณฑ์ วัสดุที่นำมาผลิตบรรจุภัณฑ์ ลักษณะการบรรจุสินค้าที่แสดงถึงความตั้งใจในการแพ็คสินค้า รวมไปถึงการนำกระดาษโน๊ตข้อความเล็ก ๆ มาใส่ไว้ในบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อพบเห็น และยังเป็นการแสดงถึงความใส่ใจของแบรนด์ที่มีต่อลูกค้าอีกด้วย

 

4. ใส่ใจทุกขั้นตอนการออกแบบของทุกบรรจุภัณฑ์

การออกแบบบรรจุภัณฑ์นั้น ไม่เพียงแต่จะใส่ใจในการออกแบบเพียงแค่ตัวบรรจุภัณฑ์ของสินค้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ทุก ๆ ชั้นที่ทำการห่อหุ้มตัวสินค้าอยู่อีกด้วย เช่น บรรจุภัณฑ์ชั้นนอก บรรจุภัณฑ์ภายใน และสุดท้ายก็คือตัวบรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้มตัวสินค้าโดยตรง เพราะบรรจุภัณฑ์ทุกชั้น สามารถเป็นเครื่องมือส่งเสริมสินค้าทางการตลาดไปในตัวได้เช่นกัน โดยเริ่มตั้งแต่สินค้าออกจากโรงงาน ไปจนถึงชั้นวางขายทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์

 

โดยบรรจุภัณฑ์สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ขั้น ได้แก่

 

• บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุด (Outer Package)

คือ บรรจุภัณฑ์หน่วยรวมที่ไว้สำหรับขนส่งและเคลื่อนย้าย นิยมใช้กล่องกระดาษลูกฟูก เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทาน รองรับน้ำหนักได้ดี และยังมีรูปทรงที่ง่ายต่อการขนส่ง ซึ่งคุณสามารถออกแบบและดีไซน์ความเป็นเอกลักษณ์และอัตลักษณ์ของแบรนด์คุณลงไปบนบรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุดได้ เพราะขณะสินค้าเคลื่อนย้ายไปตามสถานที่ต่าง ๆ  บรรจุภัณฑ์ชั้นนอกสุดก็กำลังเป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาดให้แก่ธุรกิจของคุณอยู่

 

 

• บรรจุภัณฑ์ภายใน (Inner Package)

คือ บรรจุภัณฑ์ที่ไว้รวบรวมสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ไว้เป็นแพ็ค เพื่อป้องกันสินค้าจาก ความชื้น ความร้อน และการเสียดสีกับสินค้าอื่นที่อยู่รวมกัน ซึ่งบรรจุภัณฑ์ภายใน ร้านค้ามักนิยมนำไปวางบนชั้นพร้อมกับตัวสินค้า ซึ่งเจ้าของธุรกิจอย่างเราจึงไม่ควรพลาดที่จะทำให้บรรจุภัณฑ์ภายในกลายเป็นเครื่องมือสื่อสารทางการตลาด โดยการออกแบบให้เมื่อแกะกล่องภายในใช้งานแล้ว ยังสามารถเป็นกล่องใส่โชว์สินค้าได้ หรือที่เรียกกันว่า “กล่องปรุฉีก” (Display Box) ที่มักเห็นได้ตามร้านค้าสะดวกซื้อทั่วไป

 

• บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์หรือสินค้า  (Individual Package)

คือ บรรจุภัณฑ์ที่ห่อหุ้มตัวผลิตภัณฑ์หรือสินค้า เป็นบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ไว้สำหรับปกป้องตัวสินค้าหรือผลิตภัณฑ์โดยตรง ซึ่งจะต้องให้ความสำคัญสำหรับบรรจุภัณฑ์ในชั้นนี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นชั้นที่เรียกได้ว่าเป็นหน้าเป็นตาของสินค้านั่นเอง ทำให้การออกแบบบรรจุภัณฑ์ชั้นนี้ จะต้องดึงคุณสมบัติของสินค้าควบคู่กับอัตลักษณ์ของแบรนด์ เพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและสร้างการรับรู้ของแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

 

ซึ่งการออกแบบบรรจุภัณฑ์ทั้ง 3 ขั้น จะช่วยส่งเสริมการรับรู้ของแบรนด์ (Brand Awareness) ได้มากขึ้นอีกด้วย และที่สำคัญบรรจุภัณฑ์ที่ดีจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้ บรรจุและคุ้มครองสินค้าภายในได้เป็นอย่างดี อำนวยความสะดวกในการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า สะดวกในการใช้งาน และที่สำคัญบรรจุภัณฑ์จะต้องมีความแข็งแรงและทนทาน ผลิตจากโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน

 

 

เห็นไหมคะว่า เทคนิคการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้โดนใจลูกค้า ง่ายนิดเดียว เพียง 4 เทคนิคที่ ลลิตา แพ็คเกจจิ้ง ได้แนะนำก็สามารถช่วยเพิ่มยอดขายให้แก่ธุรกิจของคุณแล้วค่ะ อย่าลืมนำเทคนิคดี ๆ ไปปรับใช้ในธุรกิจของคุณกันนะคะ

สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่กำลังมองหาโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์หรือกล่องกระดาษสำหรับแบรนด์ของคุณ ลลิตา แพ็คเกจจิ้ง  เราพร้อมให้บริการคุณครบจบในที่เดียว ด้วยทีมงานออกแบบและผลิตบรรจุภัณฑ์ ที่จะช่วยเนรมิตบรรจุภัณฑ์ของคุณให้สวยงามมาพร้อมคุณภาพที่เต็มเปี่ยม สนใจผลิตบรรจุภัณฑ์ประจำแบรนด์ให้  ลลิตา แพ็คเกจจิ้ง บริการคุณสิคะ