• 053-271-296
  •  เปิดทำการ วันจันทร์ - วันเสาร์ เวลา 08:00-17:00 น.
อยากมีกล่องพิมพ์แบรนด์เป็นของตัวเอง ไม่ยากอย่างที่คิด
01 มี.ค. 2565

อยากมีกล่องพิมพ์แบรนด์เป็นของตัวเอง ไม่ยากอย่างที่คิด

‘อยากโดดเด่นต้องแตกต่าง’ หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการให้แบรนด์เป็นที่จดจำของลูกค้า เพราะฉะนั้นคุณต้องสร้างความแตกต่างในขณะที่โลกของการซื้อขายออนไลน์มีการแข่งขันสูง เริ่มต้นด้วยการใช้แพคเกจจิ้งสำหรับบรรจุสินค้า หรือกล่องกระดาษที่ใช้สำหรับการขนส่ง ซึ่งหากคุณเริ่มต้นสร้างความแตกต่างจากสิ่งเหล่านี้ แบรนด์ของคุณก็ย่อมมีข้อได้เปรียบทางการตลาดที่โดดเด่นกว่าใคร เพราะแพคเกจจิ้งที่สวยงามเปรียบเสมือนสิ่งที่สามารถดึงดูดความสนใจจากลูกค้าได้ตั้งแต่แรกเห็น ดังนั้นการทำกล่องสกรีนลายแบรนด์ หรือคำขอบคุณต่าง ๆ ถือเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าเมื่อได้รับสินค้า 

เพียงแค่คุณเปลี่ยนกล่องธรรมดาให้เป็นกล่องสกรีนลาย นอกจากจะเป็นการสร้างความประทับใจเมื่อแรกเห็นให้แก่ลูกค้าแล้ว ผลพลอยได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ไปในตัวอีกด้วย แล้วถ้าอยากมีกล่องพิมพ์แบรนด์เป็นของตัวเองต้องเริ่มยังไง? ลลิตา แพคเกจจิ้ง มีคำตอบมาให้แล้ว คุณเองก็ทำได้ เพียงสั่งผลิตด้วยขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

สั่งผลิตกล่องพิมพ์แบรนด์ง่าย ๆ ใน 6 ขั้นตอน

อย่างแรกเลยก่อนที่จะเริ่มออกแบบกล่องพิมพ์แบรนด์นั้น จำเป็นจะต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของคุณเป็นสินค้าประเภทไหน ต้องการการดูแลรักษามากน้อยเพียงใด ลักษณะ ขนาด รวมถึงน้ำหนักของสินค้า จะเป็นตัวกำหนดประเภทของกล่องกระดาษ ชนิดกระดาษที่นำมาผลิต เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน 

1.เลือกประเภทกล่องพิมพ์แบรนด์

กล่องพิมพ์แบรนด์มีทั้งแบบกล่องกระดาษรูปทรงมาตรฐาน และกล่องกระดาษที่ถูกออกแบบรูปทรงมาเฉพาะสำหรับใช้งานกับสินค้าแต่ละประเภท ยกตัวอย่างเช่น กล่องผลไม้ กล่องพิซซ่า กล่องรองเท้า ซึ่งกล่องแต่ละประเภท จะมีลักษณะการออกแบบที่แตกต่างกัน 

สำหรับกล่องผลไม้ ตัวกล่องกระดาษจะมีฟังก์ชันรูระบายอากาศ เพื่อช่วยรักษาอุณหภูมิให้กับผลไม้ภายในกล่อง ส่วนกล่องพิซซ่าถูกออกแบบมาให้มีลักษณะแบนและไม่สูงมาก มีขนาดที่พอดีกับพิซซ่าแต่ละขนาด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการขยับเขยื้อนภายในกล่อง รวมถึงวัสดุที่นำมาผลิตกล่อง ยังเป็นประเภทที่ทนต่อความร้อนและความชื้นได้ดีอีกด้วย และหากประเภทกล่องกระดาษที่มียังไม่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณแล้วล่ะก็ คุณก็สามารถเลือกออกแบบกล่องกระดาษชนิดสั่งผลิตพิเศษเพื่อใช้กับสินค้าของคุณโดยเฉพาะได้เช่นกัน 

2.ขนาดของกล่องพิมพ์แบรนด์

คุณสามารถกำหนดขนาดของกล่องกระดาษให้เหมาะสมกับสินค้าได้ตามต้องการ ซึ่งหน่วยวัดที่ใช้ก็จะมีให้เลือกทั้งแบบ เซนติเมตร มิลลิเมตร และแบบนิ้ว เพราะกล่องกระดาษที่ใช้สำหรับบรรจุสินค้า ควรมีขนาดที่พอดีกับตัวสินค้า ขนาดของกล่องกระดาษต้องไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งขนาดของกล่องมีผลต่อประสิทธิภาพในการป้องกันไม่ให้สินค้าภายในได้รับความเสียหาย รวมถึงเป็นตัวกำหนดต้นทุนในการผลิต ค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และขนาดของพื้นที่ที่ใช้สำหรับการจัดเก็บ หรือจัดวางสินค้าเพื่อวางจำหน่ายอีกด้วย

3.ชนิดกระดาษที่นำมาผลิตกล่องพิมพ์แบรนด์

ชนิดลอนกระดาษลูกฟูก

กล่องพิมพ์แบรนด์ กล่องสกรีนลาย กล่องกระดาษสำหรับการขนส่ง ทั้งหมดนี้ล้วนผลิตจากกระดาษลูกฟูกซึ่งมีความหนาทั้งแบบ 3 ชั้น และ 5 ชั้น ลอนกระดาษภายในมีตั้งแต่ลอน E, B, C, BC โดยมีความหนาของลอนกระดาษตั้งแต่ 1.5 - 6 มิลลิเมตร ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของสินค้าภายในกล่อง หากสินค้าค่อนข้างมีน้ำหนักควรเลือกใช้กล่องกระดาษ 5 ชั้น ลอน BC เพราะมีความหนาเป็นพิเศษ รองรับน้ำหนักได้ดี มีความแข็งแรง ทนทานสูง

4.เลือกสีและเกรดกระดาษ

เกรดกระดาษลูกฟูก

เกรดกระดาษแต่ละชนิดมีสีและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน รวมถึงเกรดกระดาษบางชนิด ยังผลิตจากเยื้อรีไซเคิล 100% ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการผลิตกล่องพิมพ์แบรนด์รักษ์โลก ที่ทั้งสวยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เกรดกระดาษที่นำมาผลิตกล่องพิมพ์แบรนด์มีให้เลือกดังต่อไปนี้

CA/CS กระดาษสีเทา : กระดาษชนิดนี้นิยมนำมาทำเป็นลอนกระดาษลูกฟูก หรือนำมารองเยื่อกระดาษอื่น ๆ เพื่อเพิ่มคุณสมบัติในเรื่องความแข็งแรง และสามารถรองรับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กระดาษสีทอง TA
กระดาษสีครีม TI
TA กระดาษสีทอง : เกรดกระดาษลูกฟูก T - Family เยื่อกระดาษผลิตจากเทคโนโลยีพิเศษ สามารถรองรับน้ำหนักกล่องที่เรียงซ้อนกันได้เป็นอย่างดี 

TI กระดาษสีครีม : จุดเด่นของเกรดกระดาษชนิดนี้ เมื่อพิมพ์ลวดลายหรือสีสันลงบนกล่องกระดาษ จะได้สีที่สวยงาม เนื่องจากพื้นผิวกระดาษมีสีอ่อน หรือหากต้องการเน้นความเรียบง่าย เรียบหรู ก็สามารถทำได้ด้วยการโชว์พื้นผิวกระดาษสีครีมได้เลย

 
กระดาษสีขาว KS
กระดาษสีน้ำตาล KT
 
KS กระดาษสีขาว : เกรดกระดาษที่ผลิตจากเยื่อบริสุทธ์ฟอกขาวคุณภาพสูง เป็นกระดาษชนิดที่เมื่อนำมาพิมพ์ลาย จะสามารถมองเห็นลวดลายและสีสันได้อย่างชัดเจน หรือสามารถนำมาผลิตกล่องกระดาษหรือแพคเกจจิ้งที่เน้นความเรียบ สะอาด อย่างเช่นการใช้งานในโรงพยาบาลหรือธุรกิจประเภทคลีนิกเสริมความงาม

KT กระดาษสีน้ำตาล : เกรดกระดาษที่นิยมนำมาผลิตกล่องกระดาษสำหรับการขนส่งมากที่สุด เนื่องจากต้นทุนในการผลิตมีราคาไม่สูงมาก คุณสมบัติสามารถทนความชื้นได้สูง สามารถนำมาใช้บรรจุอาหารแช่แข็ง หรือนำกล่องเข้าแช่ในห้องเย็น โดยที่ตัวกล่องกระดาษยังคงรูปทรงไว้ได้ และมีความแข็งแรงดังเดิม

 

 

5. เลือกวิธีการประกอบกล่อง

ลักษณะของกล่องพิมพ์แบรนด์ที่คุณได้รับจากโรงงานผลิตกล่องกระดาษ จะถูกพับรวมกันมาเป็นมัด ๆ เรียบแบนก่อน เมื่อต้องการนำมาใช้งานจึงจำเป็นต้องประกอบกล่องให้เป็นไปตามรูปแบบที่ต้องการอีกครั้ง โดยวิธีการประกอบกล่องแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้

ติดเทปกาวกล่อง

การติดเทปกาว : การประกอบกล่องด้วยการปะกาวหรือเทป ส่วนใหญ่จะเป็นกล่องกระดาษแบบฝาชนที่ต้องปิดผนึกด้วยเทปกาว หรือกล่องกระดาษที่ออกแบบมาให้พับตามรอยที่ออกแบบไว้ แล้วจึงแปะเทปกาวเพื่อให้ได้รูปทรงของกล่องกระดาษที่ต้องการนำไปใช้งานต่อไป

 

 

กล่องเย็บลวด

การเย็บลวด :สำหรับวิธีนี้ถือเป็นการประกอบกล่องที่มีความแน่นหนา และแข็งแรงมากที่สุด เพราะตัวกล่องจะถูกเย็บด้วยลวดที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับกล่องกระดาษโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับกล่องกระดาษที่นำมาใช้บรรจุสินค้าที่มีน้ำหนัก เพื่อป้องกันกล่องกระดาษการฉีกขาดหรือรอยต่อปิดไม่สนิทระหว่างการขนส่ง

 

 

วิธีพับกล่อง

การขึ้นรูป :สำหรับกล่องกระดาษที่ใช้วิธีการขึ้นรูปกล่องที่เราพบเห็นในปัจจุบัน เช่น กล่องหูช้าง กล่องพิซซ่า ที่ด้านข้างฝากล่อง จะมีลักษณะกระดาษที่ยื่นออกมาเล็กน้อยคล้ายหูช้าง เพื่อใช้สำหรับเสียบเข้าไปในช่องข้าง ๆ ตัวกล่อง เพื่อทำการปิดฝาและล็อคตัวกล่องกระดาษให้แน่น

 

6.เลือกประเภทการพิมพ์สำหรับกล่องสกรีนลาย

เมื่อเลือกองค์ประกอบของกล่องกระดาษทั้ง 5 ขั้นตอนครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายคือ การพิมพ์ลวดลายหรือโลโก้แบรนด์ลงบนกล่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างอัตลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับแบรนด์ ซึ่งการเลือกพิมพ์ลายแต่ละประเภทย่อมได้ผลลัพธ์ของลวดลายบนกล่องที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

การพิมพ์พื้นนูน : ลักษณะภาพหรือลวดลายที่ได้ จะมีลักษณะนูนขึ้นมาเล็กน้อยจากพื้นผิวกล่องกระดาษ เพื่อให้ภาพดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

การพิมพ์พื้นลึก : ภาพหรือลวดลายที่ได้จะตรงกันข้ามกับการพิมพ์พื้นนูน คือ ภาพจะมีระดับลึกลงไปเล็กน้อยในเนื้อกระดาษ ซึ่งยังคงเห็นลวดลายได้อย่างชัดเจนคล้ายภาพ 3 มิติ

การพิมพ์พื้นราบ : ผลลัพธ์ที่ได้คือตัวหนังสือหรือลวดลาย ทั้งส่วนที่มีการพิมพ์ลายและไม่มีการพิมพ์ลาย จะเรียบเนียนไปกับพื้นผิวกล่องกระดาษ 

การพิมพ์พื้นฉลุ : คือการพิมพ์ภาพหรือลวดลายผ่านแม่พิมพ์ที่มีการฉลุแบบที่ต้องการไว้แล้ว จากนั้นจึงพิมพ์โดยให้สีผ่านทะลุตามรอยฉลุบนแม่พิมพ์ ภาพทีได้จะมีความคมชัดสวยงาม

การพิมพ์ดิจิทัล : คือประเภทการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากสามารถควบคุมการพิมพ์ผ่านคอมพิวเตอร์ โดยใช้ระบบพิมพ์ 4 สี CMYK คือการพิมพ์ซ้อนทับกันของสีต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดสีอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งการพิมพ์ประเภทนี้ภาพที่ได้จะมีสีสันที่หลากหลายกว่าวิธีพิมพ์แบบอื่น ๆ 

 เครื่องพิมพ์ดิจิทัล

เพียงเท่านี้คุณก็จะได้กล่องพิมพ์แบรนด์ในแบบที่คุณต้องการ รับรองว่าโดดเด่นไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน และหากคุณยังไม่มีไอเดีย หรือต้องการคำปรึกษาในการออกแบบกล่องพิมพ์แบรนด์ ลลิตา แพคเกจจิ้ง ยินดีรับออกแบบ พร้อมให้คำแนะนำในการเลือกทั้งวัสดุ ขนาด ประเภทกล่อง ที่เหมาะสมให้กับแบรนด์ของคุณ อย่ารอช้า! ทักหาเราเลยสิคะ